เพชรสีชมพู (Pink Diamond) เป็นหนึ่งในอัญมณีที่หรูหราและมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ด้วยสีสันอ่อนหวานที่สะท้อนถึง “ความรัก ความอบอุ่น และพลังแห่งความงาม” แต่หลายคนอาจสงสัยว่า…
ทำไมเพชรสีชมพูถึงแพงกว่ามาก ทั้งที่ดูคล้ายเพชรทั่วไป? วันนี้เราจะพาไปรู้จักความลับเบื้องหลังมูลค่ามหาศาลของเพชรสีชมพูที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากครอบครอง 💎
เพชรสีชมพูเป็นหนึ่งในเพชรที่ “หายากที่สุดในโลก” เพราะมีสัดส่วนการพบเจอไม่ถึง 0.01% ของเพชรทั้งหมดที่ถูกขุดขึ้นมา!
แหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ เหมือง Argyle (อาร์ไกล์) ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเคยผลิตเพชรสีชมพูคุณภาพสูงกว่า 90% ของโลก — แต่เหมืองนี้ได้ปิดตัวลงไปแล้วในปี 2020 💔
ทำให้เพชรสีชมพูธรรมชาติกลายเป็น “ของสะสมล้ำค่า” ที่มีจำนวนลดลงทุกปี
เพชรทั่วไปเกิดจากคาร์บอนที่ถูกบีบอัดภายใต้แรงดันและอุณหภูมิสูงใต้พื้นโลก แต่เพชรสีชมพูแตกต่างออกไป — สีชมพูไม่ได้มาจากสารเจือปนเหมือนเพชรสีอื่น
นักวิทยาศาสตร์พบว่า สีชมพูเกิดจากแรงบิดภายในผลึกเพชร (Crystal Lattice Distortion) ที่เปลี่ยนการสะท้อนแสงให้กลายเป็นสีชมพู ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากในธรรมชาติ
เพชรสีชมพูแต่ละเม็ดมีโทนสีแตกต่างกัน ตั้งแต่ชมพูอ่อนพาสเทลไปจนถึงชมพูเข้มแบบ “Pigeon Pink” หรือ “Purplish Pink”
ยิ่งเฉดสีเข้มและสม่ำเสมอมากเท่าไหร่ มูลค่าก็ยิ่งสูงขึ้น — โดยเฉพาะเพชรที่ได้รับการจัดเกรดจากสถาบัน GIA ในระดับ Fancy Vivid Pink ซึ่งมีราคาต่อกะรัตสูงกว่าเพชรขาวหลายร้อยเท่า!
เพชรสีชมพูมักถูกเลือกใช้ในเครื่องประดับของคนดังทั่วโลก เช่น Jennifer Lopez, Mariah Carey และ Blake Lively
การปรากฏตัวของเพชรสีชมพูในแหวนหมั้นหรือคอลเลกชันพิเศษ ทำให้ความต้องการในตลาดพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 💍
เนื่องจากเหมืองหลักถูกปิด และเพชรสีชมพูธรรมชาติไม่สามารถผลิตได้เพิ่ม
ทำให้เพชรชนิดนี้มีมูลค่าขึ้นทุกปี — กลายเป็น “การลงทุนในความงาม” ที่ให้ผลตอบแทนสูงในระยะยาว
เพชรสีชมพูคุณภาพสูงบางเม็ดมีราคาประมูลทะลุ หลายร้อยล้านบาทต่อกะรัต เลยทีเดียว
เพชรสีชมพูจึงไม่ได้มีค่าเพียงเพราะ “ความสวย” แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความรัก ความหายาก และความพิเศษที่ไม่มีวันซ้ำใคร
ทั้งเพชรสีชมพูธรรมชาติและเพชรสีชมพูสังเคราะห์ต่างก็มีคุณค่าในแบบของตนเอง
หากคุณกำลังมองหาเพชรที่บ่งบอกถึงความหรูหราและความรักนิรันดร์ — เพชรสีชมพู คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุด 💖
เพชรสีชมพู